ทอสี : วิถี..วิธีคิดจากพ่อแม่สู่ลูก

วันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๐ โรงเรียนทอสีจัดอบรม ห้องเรียนพ่อแม่ผู้แสดงโลกระดับชั้นอนุบาล ๑ ในหัวข้อ “ทอสี : วิถี..วิธีคิดจากพ่อแม่สู่ลูก” นำโดย แม่แจง คุณจุฬารัตน์ อินทรมหา หัวหน้าฝ่ายวิชาชีวิตผู้ปกครอง

เริ่มต้นการอบรมด้วยกิจกรรม “รู้จักกันหน่อย” กิจกรรมที่ให้คุณพ่อคุณแม่ได้ทำความรู้จักซึ่งกันและกัน สอบถามชื่อของเพื่อนและชื่อของลูกพร้อมทั้งความหมาย เพื่อให้ผู้ปกครองได้รู้จักกันมากขึ้นพร้อมกับได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ฝึกการสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่นเพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูก

ต่อจากนั้นเป็นการแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับหลักการวิถีของโรงเรียน หลักการวิถีของที่บ้าน เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ทบทวนตัวเอง ทบทวนเหตุปัจจัย ที่ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติให้สอดคล้องกับหลักการของโรงเรียน มีปัจจัยอะไรบ้างที่ยังปฏิบัติอยู่หรือไม่ได้ปฏิบัติต่อไป จะส่งผลต่อการพัฒนาของลูก

จากนั้นเป็นช่วง “รุ่นพี่แบ่งปัน” โดยผู้ปกครองรุ่นพี่ ดร.มนัสนันท์  ปัญญาสกุลวงศ์ (แม่มน คุณแม่ของน้องไบร์ท อ.๓ และน้องบรูค เด็กเล็ก ) ที่มาบอกเล่าประสบการณ์ในการสร้างวิถีชีวิตของลูกให้เข้ากับวิถีชีวิตและหลักการของโรงเรียน

แม่มน เล่าว่า “น้องไบร์ทมาเข้าที่โรงเรียนทอสี ตอน อ.๒ ที่บ้านเรามีลูกช้า ลูกต้องช่วยเหลือตัวเองให้ได้เร็วที่สุด เพราะว่า เราไม่รู้ว่าจะอยู่กับเขาได้อีกนานเท่าไหน ในทุกๆ วันเราที่เป็นแม่จะต้องมีวินัยก่อน และพอได้มาเข้าร่วมอบรมห้องเรียนพ่อแม่ สิ่งที่เอามาสร้างต่อให้ลูก ก็คือ การมีวินัยกับเรื่องของเวลา คือ จะทำให้ทุกอย่างเป็นธรรมชาติทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นวันหยุดหรือวันธรรมดา ก็จะตื่นเวลาเดิม พอทุ่มครึ่งไฟที่บ้านก็จะปิดหมดแล้วนะค่ะ อาจจะเหลือแค่ไฟหัวเตียงเอาไว้เพื่อที่ก่อนนอนจะได้คุยกัน สวดมนต์ด้วยกัน แล้วลูกจะมากราบเท้า พอกราบเสร็จทุกครั้งก็จะอวยพรให้ลูก บอกว่าขอให้ลูกเป็นเด็กดี ขอให้ลูกเป็นอะไรก็ตามที่เราอยากปลูกฝังเขา พูดได้เลย เพราะตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่ทุกอย่างสงบ และมีอะไรที่แม่ทำไม่ดีเราจะบอกลูก คือมันเป็นเรื่องของการให้อภัยกันก่อนนอนด้วย คุยกันว่าวันนี้เราทำอะไรไม่ดีต่อกันไว้ก็ให้มันจบตั้งแต่วันนี้ แล้ววันพรุ่งนี้เราจะทำให้ดีขึ้นกว่านี้อีก นี่ก็เป็นบรรยากาศที่จะทำให้เกิดขึ้นทุกวัน”

การอบรมในวันนี้นอกจากคุณพ่อคุณแม่จะได้กลับไปทบทวนวิธีการเลี้ยงลูกและทบทวนหลักการต่างๆ เพื่อฝึกให้ลูกๆ สามารถเป็นที่พึ่งของตัวเองได้แล้ว ยังทำให้คุณพ่อคุณแม่ได้ตระหนักรู้เหตุปัจจัยของตนที่ส่งผลต่อการพัฒนาของลูก และนำไปปรับใช้ในการเลี้ยงลูกให้ดียิ่งขึ้นต่อไป